วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2550

เรื่องสั้น - เมื่อรักของเรา ไม่เข้า(ใจ)กัน (บทที่หนึ่ง)

เมื่อความเงียบเหงาได้คืบคลานเข้ามาในจิตใจ ตอนนี้สิ่งที่ฉันทำได้ก็คือ ใช้พลังใจที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดบังคับให้ปลายนิ้วที่ไม่เหลือแม้กำลัง กดปุ่มรีโมทให้เครื่องเล่นเทปทำงาน ไม่กี่อึดใจเพลงที่ฉันและเขาเคยนั่งฟังด้วยกันก็บรรเลงขึ้น
“...ขอให้ค่ำคืนนี้มีแต่เรา อยู่เคียงใต้แสงดาว และมีความรักให้กันและกัน...”
ทุกครั้งที่เพลงนี้ดังขึ้น ถ้าเขาอยู่ในห้องกับฉัน เขาคงร้องคลอไปกับเพลงและนั่งลงข้างฉัน หอมแก้มฉัน และกระซิบที่ข้างหูฉันว่า
“เต้รักอุ๋ยมากนะ”
แต่ในตอนนี้เมื่อฉันมองตรงที่เต้เคยนั่งอยู่ ไม่มีเต้อีกแล้ว ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับฉันได้
ฉันและเต้รู้จักกันครั้งแรก ในวันรับน้องใหม่ของ
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด ตัวฉันเองเป็นเด็กนักเรียนจากเมืองหลวง เมื่อมาอยู่มหาวิทยาลัยในต่างจังหวัดและห่างไกลแบบนี้ ก็เป็นธรรมดาที่ต้องเหงา และคิดถึงบ้าน
“น้องใหม่ฟังเรียกแถว แถวตอนเรียงสิบ ทั้งหมดจัดแถว!!”
เสียงตะโกนของรุ่นพี่ที่ใส่ชุดดำดังขึ้น ทำลายภวังค์ของฉันจนหมด เพียงสิ้นสุดเสียงตะโกนเท่านั้น ผู้คนรอบๆ ตัวฉันก็พากันลุกฮือขึ้นวิ่งไปยังต้นเสียง ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ก็ได้แต่วิ่งตามไป
“หนึ่ง สอง สาม ... สิบ”
ผู้ชายที่วิ่งมาก่อนทั้งสิบคนนับ พร้อมกับอีกหลายๆ คนที่วิ่งตามมายื่นมือแตะไหล่คนข้างหน้า เป็นการจัดแถว ฉันที่ไม่รู้อะไรก็ได้แค่ทำตาม
รุ่นพี่ที่ใส่ชุดดำหลายคน มองมาที่ฉัน แล้วหันซ้ายที หันขวาที มองหน้ากันแปลกๆ
“นี่เธอ เมื่อวานไม่ได้เข้าเหรอ”
เสียงพูดเบาๆ จากผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านขวามือของฉัน
ฉันมองเขาแล้วพยักหน้า และเขาก็พูดต่อว่า
“ตรงนี้รุ่นพี่ ให้เข้าแถวเฉพาะผู้ชาย ส่วนผู้ - ”
“ ใครบอกให้พูดในแถว!!”
เสียงตะโกนขัดจังหวะการพูด จากรุ่นพี่ชุดดำคนหนึ่ง
“น้องใหม่ทั้งหมด วิดพื้นท่าเตรียม ปฏิบัติ!!! ”
พอสิ้นเสียงรุ่นพี่ ทุกคนที่อยู่รอบตัวฉันก็ทำตามคำสั่ง ส่วนฉันกำลังจะทำตาม รุ่นพี่คนที่ออกคำสั่งไป ก็หันมาพูดกับฉันด้วยเสียงธรรมดา
“น้องผู้หญิง ไม่ต้องทำ ออกมานี่”
ฉันลุกขึ้นแล้วมองไปหาผู้ชายที่เคยยืนอยู่ด้านขวามือของฉัน ตอนนี้เขาอยู่ในท่าวิดพื้นท่าเตรียม ฉันพูดบอกเขาเบาๆ ว่า
“ขอโทษนะที่ทำให้ลำบาก”
“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง”
พร้อมกับยิ้มมาที่ฉัน นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้จักกับเต้
พวกเราอยู่ใน คณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งในปีหนึ่ง มีนักศึกษาทั้งหมด 97 คน มีผู้หญิงเพียง 7 คนเท่านั้น พวกเราที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด ได้รับสมญานามจากรุ่นพี่ว่า ‘สมบัติคณะ’ ไม่ว่าสมบัติคณะจะไปที่ไหน เพื่อนๆ ผู้ชายก็จะคอยดูแลเป็นพิเศษ เวลาไปเรียน เพื่อนผู้ชายที่มีรถก็จะรอรับไปส่งที่ตึกเรียน เวลาไปทานข้าวที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย ก็จะมีเพื่อนผู้ชายไปซื้อมาให้ เวลาเข้ารับน้องใหม่ เมื่อทำผิดกฎ เพื่อนผู้ชายก็จะยอมถูกลงโทษแทน ฉันได้รับการดูแลแบบนี้จากเพื่อน มันช่วยทำให้คลายเหงาจากอาการคิดถึงบ้าน
หลังจากการรับน้องใหม่เสร็จสิ้น ‘สมบัติคณะ’ ก็ถูกเมิน เพราะในช่วงรับน้อง รุ่นพี่ได้สั่งให้เพื่อนผู้ชายดูแลสมบัติคณะ ด้วยความกลัวว่ารุ่นพี่จะลงโทษจึงต้องทำตามคำสั่ง มีเพียงเต้คนเดียวเท่านั้นที่ยังคอยดูแลฉันเหมือนสมบัติคณะเช่นเคย
ฉันมีเพื่อนน้อย และเป็นคนขี้เหงา เมื่อมาอยู่คนเดียวในจังหวัดที่ห่างไกลบ้านอย่างนี้ เกือบทุกคืนฉันมักจะนั่งร้องให้คิดถึงบ้าน เต้เป็นเหมือนคนที่มาเติมเต็มความรู้สึกในส่วนที่ฉันขาดไป คอยดูแลเอาใจใส่ ความสัมพันธ์ของเรา จึงคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว จากคนรู้จักมาเป็นเพื่อน จากเพื่อนมาเป็นเพื่อนสนิท จากเพื่อนสนิทมาเป็นแฟน
หลังจากที่ฉันรู้จักกับเต้ไม่กี่เดือน ฉันก็ยินยอมพร้อมใจพลีกายให้เขา ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความรู้สึกที่เรียกว่ารักหรือเปล่า แต่ฉันขาดเขาไม่ได้ ไม่อยากให้เขาหนีห่างจากฉันไป ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อรั้งเต้ไว้กับฉัน
หลังจากสงครามแห่งความรักที่เร่าร้อนดุจไฟเผาผลาญร่าง
กายให้หลอมละลาย ได้จบลงเราสองคนนอนมองหน้าซึ่งกันและกันด้วยความเหน็ดเหนื่อย ถึงว่าฉันจะมองหน้าของเต้ แต่ตัวฉันกลับอยู่ในห้วงความคิด เฝ้านึกถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากผ่าน
พ้นค่ำคืนนี้ไป แต่แล้วภวังค์ของฉันก็สะบั้นลงด้วยเสียงของเต้
“อุ๋ย เต้รักอุ๋ยนะ”
ถึงจะเป็นเสียงพูดที่แผ่วเบา แต่มันมีความหมายมากมายสำหรับฉัน
หลังจากนั้นไม่นาน เราสองคนก็ย้ายออกไปอยู่ด้วยกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขมากที่สุด ตั้งแต่ออกจากบ้านมาใช้ชีวิตที่อิสระ ไม่ต้องทนเหงา และร้องไห้ในยามคิดถึงบ้าน เพราะในตอนนี้ ฉันมีคนอันเป็นที่รักอยู่เคียงข้างตลอด ไม่ว่าตอนเรียน ทานข้าว แม้แต่เวลานอน เราสองคนอยู่ด้วยกันตลอดเวลา
เต้ได้สัญญากับฉัน หลังจากที่เรียนจบ เราจะแต่งงานกัน ฉันดีใจมากในใจของฉันตอนนั้นได้บอกความรู้สึกกับตัวของฉัน
เองว่า
‘ฉันรักเต้มากที่สุด’
หนึ่งปีผ่านไป ถึงเวลาที่เราสองคนจะต้องเลือกสาขาวิชาของวิศวกร ฉันเลือกสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า ส่วนเต้เลือกสาขา
วิศวกรรมโยธา ฉันนึกเข้าข้างตัวเองว่า
‘แม้เราจะไม่ได้เรียนด้วยกัน แต่เราก็ยังอยู่ด้วยกันและรักกันเหมือนเดิม’
หลังจากการรับน้องใหม่ผ่านไป ถึงเวลาที่พวกรุ่นพี่อย่างฉันและเต้ ต้องตามหาน้องรหัสน้องรหัสของฉันเป็นผู้ชาย ส่วนน้องรหัสของเต้เป็นผู้หญิง
เริ่มเรียนไปไม่นาน เราสองคนมีเวลาให้กันน้อยลง เราเริ่มมีปากเสียงกันบ้าง แต่ไม่รุนแรงมาก คงเป็นเพราะเต้อยู่ห่างฉัน ความเหงา ความว้าเหว่ เคว้งคว้าง เข้ามาเกาะกุมหัวใจฉันอีกครั้งหนึ่งและได้หล่อหลอมเกิดเป็นความเครียด
“เต้ไปกับผู้หญิงคนอื่น”
คำพูดจากเพื่อนฉัน มันทำให้จิตใจของฉันหดหู่ขึ้นมาในทันทีทันใด ฉันพยายามทำสติให้มั่นคงและยังเชื่อในความรักของเรา ส่วนจิตใต้สำนึกกลับสั่งให้ฉันเชื่อในคำพูดของเพื่อน และฉันก็กลับมาที่ห้องด้วยสมองที่ว่างเปล่า ไร้ซึ่งความคิดใดๆ
เมื่อฉันมาถึงห้อง ฉันเห็นโทรเลขฉบับหนึ่งวางอยู่ที่หน้าประตู เป็นโทรเลขที่ส่งมาจากคุณน้าของฉัน สมองที่ว่างเปล่าเมื่อครู่นี้
กำลังพยายามทำงาน และคำพูดที่กลั่นกรองออกมาจากสมองบอกกับตัวฉันว่า
‘ทำไม? ญาติของฉันต้องส่งโทรเลขมาหาฉันด้วย’
ข้อความในโทรเลขที่สั้นได้ใจความ ผ่านสายตาของฉันไป เข้าสู่สมองแล้วประมวลผลออกมา เป็นหยดน้ำเล็กๆ ไหลผ่านแก้มของฉัน
‘ไม่จริง เป็นไปไม่ได้’
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวฉันมันหมุนเคว้งคว้างไปหมด แผ่นกระดาษโทรเลขในมือฉันมันช่างหนักเหลือกำลังที่มือทั้งสองข้างของฉันจะแบกรับไว้ได้
ตอนนี้ เป็นเวลาฉันต้องการเต้มากที่สุด
‘เต้อยู่ไหน ฉันต้องไปหาเขา’
ห้วงลึกภายในความคิดของฉัน สั่งให้ฉันวิ่งไปอย่างบ้าคลั่งและสุดแรง เพื่อให้ฉันตามหา คนที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต ฉันเจอเขาแล้วเขาอยู่นั่น เต้อยู่ตรงนั้น ฉันต้องการเขา แต่
‘เต้อยู่กับใคร? ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน? เต้เป็นอะไรกับเขา? แล้วฉันล่ะ? เต้ไม่รักฉันแล้วหรือ?’
คำถามต่างๆนานา เข้ามาวิ่งวนเวียนในความคิด ในห้วง
ความรู้สึกของฉัน แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ว่างเปล่า เหมือนตัวของฉันหลุดลอยเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง
สายฝนเริ่มโปรยปราย น้ำตาของฉันไหลผ่านใบหน้าโดย
ไม่อายใคร เหมือนฟ้าเป็นใจให้ฉัน โศกเศร้ากับฉัน
เท้าทั้งสองข้างของฉัน ได้นำพาร่างกายที่เปียกโชกด้วยน้ำฝน และจิตใจแหลกสลายที่เปียกชุ่มด้วยน้ำตา เข้าไปที่ร้านขายของชำแห่งหนึ่ง
“พี่ เอายาเบื่อหนูถุงหนึ่ง”
ฉันหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง คนที่ฉันรัก คนที่รักฉัน ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว
ฉันได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เสียงจากด้านหลังของฉันได้ดังขึ้น
“อ้าว พี่อุ๋ยมาซื้อของหรือพี่”
เป็นเสียงจากน้องรหัสของฉันเอง
“มาคนเดียวหรือพี่ แล้วพี่เต้ล่ะ”
ฉันไม่ตอบ
“เอางี้แล้วกันพี่ เดี๋ยวผมไปส่ง เดินตากฝนเดี๋ยวไม่สบาย”
ฉันพยักหน้าตอบอย่างช้าๆ
‘ฉันมาถึงหอแล้วแต่เต้ยังไม่กลับมา เต้ไปกับผู้หญิงคนนั้น’
ความรู้สึกนึกคิดของฉันยังคงวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ที่ฉันได้พบเจอมา
“พี่อุ๋ย ถึงหอแล้วพี่ ท่าทางจะไม่สบายแฮะ เดี๋ยวผมเดินไป
ส่งที่ห้องแล้วกัน”
หลังจากที่ฉันเดินเข้าห้องไป น้องรหัสของฉันก็ขอตัวกลับ
ความเหน็บหนาวจากน้ำฝน ความปวดร้าวจากคนที่ฉันรักไปกับผู้หญิงคนอื่น ทำให้ร่างกายของฉันสั่น ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
ฉันถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นในร่างกาย กองมันไว้ที่ข้างเตียง แล้วนำพาร่างกายที่เปลือยเปล่า ซุกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม
มัจจุราชได้พรากชีวิตพ่อและแม่ของฉันไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นยังจะพรากเต้ไปจากฉันอีก แล้วฉันจะเหลือใคร ชีวิตฉันยังจะเหลืออะไรอีก
ฉันลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยิบถุงพลาสติกซึ่งบรรจุสิ่งของที่จะใช้เรียกมัจจุราช ฉันเสียบปลั๊กไฟให้กระติกน้ำร้อนทำงาน ใช้ช้อนตักใบเบิกทางสู่ความตายลงถ้วยกาแฟ กดน้ำร้อน คนให้ละลายเข้ากัน ฉันยกมันขึ้นแตะริมฝีปาก แต่แล้วเสียงปีศาจในตัวฉันก็ส่งเสียงขึ้น
‘ทำไมต้องปล่อยให้เต้ไปกับผู้หญิงคนอื่น เต้ต้องอยู่กับฉัน ตราบที่ฉันยังหายใจอยู่’
เสียงประตูห้องเปิดขึ้น ฉันรู้ว่าต้องเป็นเต้แน่ ฉันเปิดฝากระปุกกาแฟ ตักกาแฟใส่ถ้วยเดิม แล้วหันหลังกลับ ยื่นถ้วยกาแฟ
ให้เต้ พร้อมกับยิ้มให้สวยที่สุด เท่าที่ฉันจะทำได้ในตอนนี้
คนรักของฉัน คนที่ฉันรักมากที่สุดในชีวิต ซึ่งตอนนี้เขาอยู่ในชุดที่เปียกโชก ตัวสั่นเทิ้ม
“หนาวๆ อย่างนี้ ดื่มกาแฟสิ จะได้หายหนาว”
แล้วเต้ก็ดื่มกาแฟถ้วยนั้นแต่โดยดี

“...ขอให้ค่ำคืนนี้มีแต่เรา อยู่เคียงใต้แสงดาว และมีความรักให้กันและกัน...”

เต้ไม่ได้นั่งตรงที่เดิม ไม่มีเสียงของเต้ร้องคลอเพลงนี้อีกแล้ว ตอนนี้เขานอนนิ่งที่ตรงประตู ไม่มีลมหายใจ ไม่มีแม้ชีวิต เราสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เต้จะเป็นของฉันตลอดไป ตราบที่ฉันยังอยู่ในห้องนี้.....

2 ความคิดเห็น:

AINNY กล่าวว่า...

ก็ดีนะ อยากแต่งเรื่องสั้นหรือนิยายได้แบบนี้บ้าง แต่หัวมันไม่ไปเลยอ่ะ!!!!มีเทคนิคไรก็บอกๆกันบ้างนะพี่ชาย หุหุ

GTA กล่าวว่า...

ก็ดีนะ